เดิมที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับทำท่าทรายซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของทางครอบครัวตั้งแต่รุ่นคุณปู แต่ต่อมาได้ย้ายไปทำที่อื่นและปล่อยทิ้งที่นี่ไว้ จนเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้วคุณพ่อของคุณนิสิตได้กลับมาที่นี่และใช้ที่นี่เป็นพื้นที่เลี้ยงม้า แปลงบ้านเป็นคอกม้าครับ


หลังจากคุณนิสิตเรียนจบปริญญาโทและทำงานสายวิศวกรได้ 3 ปี ก็เกิดความคิดกับพี่ชายว่าอยากกลับมาอยู่บ้านและทำธุรกิจเล็กๆ หลังจากปรึกษากันในหลากหลายไอเดียก็มาจบที่ “โรงแรม” เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบด้านการออกแบบตกแต่งและอยากเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัด ลำปางด้วยจึงเริ่มไอเดียโรงแรมแห่งนี้ขึ้นมาครับ


แนวคิดคอนเซ็ปต์หลักของโรงแรมเกิดจาก จุดเด่นของลำปางคือ “ม้า” และเดิมพื้นที่บ้านก็เป็น “คอกม้า” มาก่อน จึงนำจุดนี้มาเป็นไอเดียหลักครับ โดยโจทย์ที่ทางคุณนิสิตร่วมคิดกับสถาปนิกคือการใช้โครงสร้างคอกม้าหรือบ้านหลังเดิมที่มีอายุกว่า 30 ปี แปลงเป็นที่พักโดยใช้โครงสร้างของบ้านเก่า ซึ่งสไตล์ที่อยากได้คือ “Barn House” บ้านแนวชนบทที่พบเห็นอยู่ตามฟาร์มหรือพื้นที่การเกษตรของต่างประเทศ ผสมผสานกับความเป็น "Minimal Loft" สไตล์ที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ โดยใช้วัสดุหลัก 3 อย่างนั้นคือ ไม้ ปูนและเหล็กนั่นเองครับ


ชื่อ "Karpenter" มาจากความชื่นชอบในงานไม้และตัวโรงแรมก็มีงานไม้เป็นส่วนประกอบหลักซึ่งเป็นผลงานของช่างในพื้นที่ รวมถึงบางส่วนก็เป็นฝีมือของคุณนิสิตเองด้วยครับ...เล่าที่มาของโรงแรมมาพอสมควรแล้ว ถึงเวลาไปชมโรงแรมกันดีกว่าว่ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

แค่ประตูและป้ายโรงแรมก็มีดีเทลที่น่าสนใจแล้วครับ ป้ายชื่อเป็นตะปูตอกบนไม้เรียงเป็นคำ ส่วนประตูเป็นบานไม้ใหญ่สามารถหมุนได้ 90 องศา ให้เดินเข้าได้ง่ายๆและเท่ด้วยครับ (งานนี้คุณนิสิตออกแบบไอเดียเอง)


พื้นที่ด้านขวาจะเป็นเก้าอี้นั่งที่ล็อบบี้ สามารถมานั่งพักผ่อนรับลมได้ครับ บรรยากาศแบบชิลล์ๆ ด้วยตัวพื้นผนังแบบปูนเปลือย เน้นความโปร่ง โล่งครับ

พื้นที่ฝั่งซ้าย จะเป็นโต๊ะอาหาร ไว้สำหรับการรับประทานมื้อเช้าของแขกผู้เข้าพักครับ ซึ่งอาหารเช้าที่นี่ทางคุณนิสิตจะเป็นผู้ดูแลและต้อนรับแขกด้วยตัวเองและจะสอบถามตอนเข้าพักว่าจะรับเมนูอะไร เพื่อที่ตอนเช้าจะได้จัดเตรียม โดยบางเมนูง่ายๆ เช่น "ไข่กระทะ" คุณนิสิตก็ลงมือทำเองครับ

 

เราไปชมห้องพักกันบ้าง โดยทั้ง 5 ห้องจะมีชื่อเป็นอุปกรณ์ของช่างไม้แตกต่างกันไป ได้แก่  แคล้มป์ ค้อน เลื่อย สิ่ว กบใสไม้ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมห้องหมายเลข 3 "ห้องเลื่อย:Saw Room"  ครับ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับผนังเป็นกระจกใสที่เปิดม่านแล้วจะมองด้านนอกได้เต็มผนัง ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งมากๆครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทำงาน ด้านขวาติดผนังจะเป็นเตียงนอนครับ


ถ้ามองกลับมาที่ด้านหน้าติดประตู จะพบมุมอ่างล่างหน้าและที่เท่สุดๆคือห้องน้ำที่เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ผนังเป็นกระจกใสที่เพิ่มพื้นที่ให้ห้องนี้ดูกว้างมากขึ้น (โดยตอนอาบน้ำสามารถเลื่อนม่านในห้องปิดอีกชั้นได้ครับ)



เชื่อว่าที่นี่คงเป็นที่ถูกใจของคนรุ่นใหม่แน่นอนและนอกจากที่พักแล้ว ในอนาคตคุณนิสิตก็วางแผนที่จะเพิ่มส่วนต่างๆ อาจจะเป็นคาเฟ่หรือคอกม้าเพื่อเพิ่มกิจกรรมให้ผู้เข้าพักได้ทำมากขึ้นเพราะตอนนี้ยังมีพื้นที่บริเวณที่เหลือเยอะเลยครับส่วนทางด้านหลังโรงแรมปัจจุบันที่ก็ยังเลี้ยงม้าไว้อยู่ด้วยครับ ตอนไปเราเห็นพอดี


ผมเชื่อว่าบ้านหลังแรกที่เราอยู่และเติบโตมา...ที่นั่นจะเป็นที่ๆเราผูกพันและยังคงคิดถึงเสมอไม่ว่าตอนนี้เราจะทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน หากมีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยนบ้านให้ใหม่ขึ้น ไม่ว่าจะอยู่เองหรือทำเป็นที่พัก โฮสเทล โรงแรมเล็กๆ...ลองนำ Karpanter มาเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจดีๆให้คนรุ่นใหม่แบบคุณหันกลับมามองบ้านหลังเก่าของตัวเองดูนะครับ ผมเชื่อว่าจะเกิดไอเดียดีๆและเกิด"บ้านน่าอยู่"หลังใหม่ได้แน่นอน ใครทำแล้วอย่าลืมแวะมาบอกเราด้วยนะครับเผื่อมีโอกาศแวะไปเก็บภาพมาลง inside2home ด้วยครับ
-------------
ขอขอบคุณ Karpenter Lampang
Facebook www.facebook.com/karpenterlampang
เว็บไซต์ www.karpenterlampang.com
โทร  089-042-9059
แผนที่